วันอาทิตย์ที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

Kepler อาจค้นพบโครงสร้างปริศนา



ดาวเทียม Kepler อาจจะกำลังค้นพบโครงสร้างปริศนา 

จากการค้นพบของดาวเทียม เคปเลอร์ อย่างที่เรารู้กัน คือมันมีหน้าที่เฝ้ามองดาวฤกษ์ต่างๆ เพื่อวิเคราะห์ว่าระบบของดาวฤกษ์นั้นๆ มีดาวเคราะอยู่ในบริวารเหมือนระบบสุริยะของเราหรือไม่ เพื่อการเสาะหาดาวเคราะห์ที่เหมาะสมแก่มนุษย์ในอนาคต รวมถึงอาจจะมีสิ่งมีชีวิตบนดาวเคราะเหล่านั้น

ไอเดียคือวัดสเปกตรัมของแสงจากดาวฤกษ์ และหากมีดาวเคราะห์ที่ว่าโคจรผ่าน ดาวจะต้องวิ่งตัดผ่านหน้าดาวฤกษ์ไป แสงจากดาวจะถูกบดบังไปนิดเดียว แต่แคปเลอร์จะรู้ได้ทันที


ระหว่างที่แคปเลอร์ทำหน้าที่จนถึงวันนี้ มีดาวฤกษ์เข้าข่ายน่าสนใจไปแล้วกว่าแสนดวง
และล่าสุดมีข่าวน่าสนใจ ที่ทำให้คออวกาศได้ตื่นเต้นกัน คือ แคปเลอร์เจอดาวฤกษ์ประหลาดดวงนึงที่แสงมีการหดหาย และกลับมาสว่าง สลับไปมาอย่างมีนัยยะสำคัญ

จากรูป จะเห็นว่าสเปตัมของแสงที่วัดได้ มีการหด และกลับมาสว่าง

จากการวิเคราะห์ผลอย่างถ้วนถี่กว่า 4 ปี เราพบว่าดาวฤกษ์ดวงนี้มีการหดหายของแสงไปมาอย่างมีแบบแผน ราวๆ 5-80 วัน แล้วจะกลับมาสว่างตามปกติ ราวกับว่ามีบางสิ่งมาดูดแสงของมันให้หดหายไป (จนเหลือ 20%)


ข้อสังเกตุอย่างนึงที่น่าสนใจของการหดหายของแสง คือมันไม่ได้เป็นไปในรูปแบบของการ "บดบัง"เหมือนสุริยปราคาเหมือนที่เรารู้จัก หรือหลุมดำขวางทางระหว่างเรากับมัน(ดาวฤกษ์ดวงนี้ห่างจากโลกไป 1480 ปีแสง) หรือถูกบังจากสิ่งที่อาจจะมีขนาดใหญ่กว่า แต่เป็นการหายไปในรูปแบบ "หดตัว" หรือราวกับถูก "สูบ" ไป จากอะไรบางอย่าง!

ข้อสังเกตุถัดมาคือ มีการคาดคะเนกันว่า อาจจะมีสิ่งมีชีวิตในระบบสุริยะนั้น ทำการดูดแสงดาวฤกษ์ของระบบสุริยะตัวเองมาเป็นพลังงาน!


แม้จะฟังดูน่าเหลือเชื่อ แต่มันก็เป็นสมมติฐานที่น่าสนใจมากเช่นเดียวกัน ถ้าหากสิ่งมีชีวิตในระบบนั้น พัฒนาไปจนถึงขั้นดูดเอาแสง หรือ พลังงานจากดาวฤกษ์ได้ นั้นหมายความพวกเขา อาจจะเข้าถึงเทคโนโลยีของการเข้าใจเกี่ยวกับหลุมดำนำหน้าเราไปแล้ว

มีแนวคิดเมื่อนานมาแล้ว (พศ.2502) เกี่ยวกับการเก็บพลังงานแสงอาทิตย์ที่น่าสนใจอย่างนึงซึ่งอาจจะเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ด้วย คือ โครงสร้างที่ชื่อว่า "ทรงกลมไดสัน"
ทรงกลมไดสัน คือ โครงสร้างสุดโต่งและมหึมาที่สุด เพราะมันจะถูกสร้างเป็นทรงกลมกลวงๆ ล้อมรอบดาวฤกษ์ไว้ห่างๆ เพื่อดูดซับพลังงานจากดาวฤกษ์ได้อย่างขีดสุด


ซึ่งแนวคิดทรงกลมไดสัน อาจจะมีความเกี่ยวข้องกันกับการหดหายไปของแสงจากดาวฤกษ์ที่แคปเลอร์พบเจอก็เป็นได้

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ความน่าสนใจของเรื่องนี้ น่่าสนใจมากๆ หากมันถูกเชื่อมโยงเข้ากับสิ่งมีชีวิตที่เราไม่รู้จัก ก็เป็นการอนุมาณลอยๆได้ว่า เทคโนโลยีเกี่ยวกับการดูดซับพลังงานแสงมาใช้ เป็นเรื่องที่น่าสนใจมากๆ เพราะนอกจากจะทำได้ถึงขนาดนั้น นั่นแปลว่าเทคโนโลยีที่ลึกซึ้งอื่นๆเกี่ยวกับแสงและหลุมดำ รวมถึงความเข้าใจเกี่ยวกับกลศาสตร์ควอตัมระดับสูงสุด พวกเขาก็น่าจะเข้าถึงได้แล้วเช่นเดียวกัน...

สุดท้าย อย่างที่เราๆรู้กันว่า สมมติฐานเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตควรไว้อันท้ายๆดีกว่า คิดว่า ลักษณะการหดหายของแสงแบบมีแบบแผนเหมือนที่เขาว่ามาเนี่ย มันเกิดขึ้นได้ตามธรรมชาติได้ไหม และมีตัวอย่างไหม และมันน่าจะเกิดจากหลักการอะไร แบบไม่เอาเอเลี่ยนมาเกี่ยวข้อง ส่วนนึงอาจจะเป็นการโคจรผ่านของกลุ่มดาวหาง ที่ตัดผ่านจนทำให้การวัดของเคปเลอร์ผิดพลาดไปบ้าง หรืออาจจะมีอะไรตัดผ่านหน้าไป ก็เป็นได้ ยังไงก็ขอให้ทำใจเป็นกลาง ไม่เชื่อแบบงมงายดีกว่า


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น