วิวัฒนาการกำลังทำให้เราอยากมี เซ็กส์ มากกว่ามี บุตร
ตั้งแต่มนุษย์ได้พัฒนาด้านภาษาและสังคมจนวิวัฒน์เผ่าพันธุ์ของตนให้ดำรงอยู่มาจนถึงปัจจุบัน ดูเหมือนว่าแรงขับดันทางธรรมชาติต่างๆ เช่น การสืบพันธุ์ จะยังคงอยู่ในสายเลือดไม่ได้เหือดหายไปตามกาลเวลาและการเปลี่ยนแปลง นักวิจัยได้ทำการศึกษาเจาะลึกลงไปถึงเบื้องหลังของความต้องการสืบพันธุ์ของมนุษย์ และพบว่าความจริงแล้ว ธรรมชาติอาจจะกำลังสร้างให้เราต้องการความสุขจากการมีเซ็กส์ ไม่ใช่เพื่อให้กำเนิดทายาทเพียงอย่าเดียวอย่างที่เราเข้าใจ
เราอาจจะเคยได้ยินเรื่องของผู้หญิงนั้น "ทำไมถึงอยากมีลูก" หรือที่เรียกกันว่า Baby fever ซึ่งก็ไม่รู้ว่าปรากฏการณ์นี้เป็นเรื่องของยีน ที่ทำให้ผู้หญิงต้องการแบบนั้น หรือเพราะ กระบวนการทางสังคม เช่น การเห็นคนอื่นมี ก็เลยอยากมี หรือ อยากมีเพราะคิดว่าเป็นเป้าหมายของชีวิตกันแน่
ยังคงคลุมเครือว่าความปรารถนาอยากมีบุตรอย่างมาก หรือ ‘baby fever’ ถูกขับเคลื่อนโดยยีนของเรา หรือ กระบวนการทางสังคม
แรงกระตุ้นทางเพศ
ลองจินตนาการว่าคนในสังคมพึงพอใจในการมีเซ็กส์ เพราะความพึงพอใจนั้นถูกกำหนดอยู่ในยีน ก็จะทำให้เราสามารถประเมินความสำเร็จทางการสืบพันธุ์ได้ ที่นี้ลองมาเข้าเรื่องของประชากรโดยพันธุกรรมหรือยีนที่มีแนวโน้มไปในทาง "ไม่สืบพันธุ์" กันบ้าง
กลุ่มคนที่มีความเฉยชา หรือไม่ต้องการสืบพันธุ์เหล่านั้นก็จะไม่ผลิตทายาท ดังนั้นแล้วก็จะไม่มีกลุ่มคนที่ไม่ต้องการมีลูกในรุ่นต่อไป พูดง่ายๆคือ พวกที่เฉยชากับการมีลูกก็จะค่อยๆหายไป เพราะไม่มีทายาทแห่งความเฉยชาถูกผลิตออกมาในสังคม
ซึ่งเหตุการณ์แบบนี้ เราอาจจะเรียกได้ว่า เป็นการคัดสรรทางธรรมชาติในการกำจัดสิ่งมีชีวิตที่อ่อนแอหรือไม่มีประโยชน์ออกไป ก็เป็นได้
มีหลักฐานเกี่ยวกับการตัดสินใจที่จะไม่มีทายาทนี้ว่าน่าจะเกี่ยวกับพื้นฐานทางพันธุกรรม ยกตัวอย่างเช่น งานวิจัยที่ศึกษาเกี่ยวกับการต้องการมีบุตรของคนในประเทศฟินแลนด์ พบว่าเด็กมีพัฒนาการคืออยากมีบุตรแบบเดียวกับพ่อแม่ของพวกเขา แต่ข้อพิสูจน์นี้เจาะจงเฉพาะผู้หญิงกับการตัดสินใจอยากมีลูกเท่านั้น ไม่มีการตัดสินร่วมจากผู้ชายเข้ามาเกี่ยวข้อง เช่น ที่มีผู้หญิงอยากมีเพราะผู้ชายขอร้อง หรือ การตัดสินร่วมกันว่าจะมี
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น บริบทของสังคมที่พยายามปลูกฝังให้เราต้องการมีลูก อาจจะมาจากโฆษณา หรืออื่นๆ ทำให้เรารู้สึกหวั่นไหวจากอิทธิพลของสื่อ และสังคม
ดังนั้นแล้ว เหมือนกับหลายมุมมองอื่นๆ เกี่ยวกับพฤติกรรมของมนุษย์ มันยังคงคลุมเคลือว่า ความอยากอย่างแรงกล้าที่ต้องการจะมีลูก “เป็นไข้บุตร” นั้นถูกขับเคลื่อนโดยยีนของเราหรือกระบวนการทางสังคมกันแน่
ชีววิทยาท้าทาย
เซ็กซ์และการสืบพันธุ์เกี่ยวข้องอย่างแนบแน่นกับทุกสิ่งมีชีวิต ปัจุบันไม่นานมานี้ มีการค้นพบเทคโนโลยีต้านการมีบุตรซึ่งนั่นเปลี่ยนแปลงเผ่าพันธุ์ของเราให้ก้าวห่างไกลจากสิ่งมีชีวิตอื่นๆ
ด้วยความเชื่อถือวางใจได้ว่าปัจจุบัน มนุษย์สามารถมีเซ็กซ์ได้โดยไม่ตั้งท้อง(การคุมกำเนิด) ดังนั้นในทางความก้าวหน้าของชีววิทยาแล้ว ความเชื่อมโยงในทางยีนต่อกิจกรรมทางเพศก็จะไม่มีผลสมมูลต่อสัญชาตญาณความเป็นแม่หรือพ่อที่ทำให้อยากมีลูกอีกต่อไป
ยาคุมกำเนิด สิ่งที่มนุษย์เราเอาชนะชีววิทยา
มีผู้หญิงมากมายในสังคมเราตอนนี้ที่เป็นผู้ที่ไม่สนการมีบุตร
ตัวอย่างเช่น ในสหรัฐ มีผู้หญิงช่วงอายุ 34 ถึง 44 ปี ที่ไม่เคยมีบุตรเลย เพิ่มขึ้นประมาณ 10% ตั้งแต่ปี 1976 และ ในการเก็บข้อมูลตัวอย่างผู้หญิงชาวออสเตรเลียมากกว่า 7,000 คน ระหว่างอายุ 22 ถึง 27 ปี พบว่าเกือบ 10% ไม่ต้องการมีบุตรให้เดาว่าสตรีไร้บุตรเหล่านี้ไม่ใช่ว่าเฉยชาทางเพศหรืออย่างไร (อย่างที่การเลือกคู่ทางธรรมชาติกำหนด) แต่อาจเป็นเพราะมีโอกาสน้อยในการเลือกคู่ในชีวิตปัจจุบันของแต่ละคน
นี่เป็นตัวอย่างที่น่าประทับใจในทางพฤติกรรมมนุษย์ ที่เราเอาชนะธรรมชาติและเกิดความก้าวหน้า แต่วัฒนธรรมและเทคโนโลยีก็กันเราออกห่างจากโอกาสในการเลือกคู่หลายอย่าง ตัวอย่างเช่น เครื่องนุ่งห่ม ช่วยให้เราอาศัยอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่หนาวเย็นได้ แต่ไม่เหมาะโดยเฉพาะกับพวกนิยมเปลือย เซ็กซ์ก็เป็นหนึ่งในนั้น วัฒนธรรมส่วนใหญ่มองผ่านความสนใจทางเซ็กซ์ -ตั้งแต่ความคิดเหมารวมของพิธีทางการครองคู่ที่กว้างขวางอยู่ในสังคมยุคเก่า จนถึงภาพแนวคิดอันไม่สมควรเกี่ยวกับเซ็กซ์ในโฆษณาทางโทรทัศน์ในสังคมร่วมสมัย
สัญชาตญาณการเลี้ยงดู
ในหลายๆ กรณี การสืบพันธุ์ที่ประสบความสำเร็จนั้นต้องการความใส่ใจในการพัฒนาการเติบโตของตัวอ่อน และมักพบบ่อยที่สุด แต่ไม่เฉพาะในเพศเมียหรือเพศแม่
การเลี้ยงดูเอาใจใส่เจ้าตัวน้อยคือ รูปแบบหนึ่งของสัญชาตญาณความเป็นแม่ที่เด่นชัด ดังเช่นคำว่า “baby fever” หรือเป็นไข้บุตร และธรรมชาติเป็นผู้สร้างกลไกทางชีววิทยาเพื่อแน่ใจว่าเกิดสิ่งนี้
ตัวอ่อนที่กำลังได้รับการเลี้ยงดู คือรูปแบบหนึ่งของสัญชาตญาณความเป็นแม่
สุดท้าย แม้ว่าเทคโนโลยีและสังคมในปัจจุบันพัฒนาไปมากจนควบคุมการกำเนิดได้แล้ว แต่ความต้องการผลิตทายาทหรือการมีลูก ยังคงเป็นปัจจัยหลักในการดำรงชีวิตของใครหลายๆคน จากในบทความข้างต้นเราได้เห็นแล้วว่า การมีลูกนั้น ถูกแยกออกจากการต้องการมีเซ็กส์อย่างสิ้นเชิง มนุษย์ต้องการมีเซ้กส์เพื่อความสุขทางเพศ แต่ความต้องการมีลูก อาจจะเป็นทั้งความต้องการของยีนหรือพันธุกรรมและสภาพสังคมก็ได้ โดยไม่ต้องมีเซ้กส์เป็นเหยื่อล่อเหมือนสัตว์อื่นๆอีกต่อไป นั้นอาจทำให้ในอนาคตข้างหน้า การอยากมีลูกอาจน้อยลง และความต้องการมีเซ้กส์เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
ที่มา: [https://theconversation.com/maternal-instinct-and-biology-evolution-ensures-we-want-sex-not-babies-46622]
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น